ที่หอที่เราอยู่แต่ละคนจะเวียนกันทำหน้าที่สัปดาห์ละหนึ่งอย่าง
หน้าที่ทำความสะอาดครั้งแรกของฉันในการใช้ชีวิตที่นี่คือการขัดอ่างล้างมือ
สัปดาห์ถัดจากนั้นคือยกเก้าอี้เพื่ออำนวยความสะดวกให้เพื่อนที่ใช้เครื่องดูดฝุ่น ยกเสร็จก็ซักผ้าขี้ริ้ว
สัปดาห์ต่อมาก็ทำความสะอาดครัวฝั่งขวา
เช็ดโต๊ะ เช็ดเครื่องใช้ไฟฟ้า
ขัดส้วม
เครื่องดูดฝุ่น
ครัวฝั่งซ้าย
เทขยะ

ขัดอ่างล้างมือ
ยกเก้าอี้ ซักผ้า
ครัวขวา
เช็ด
ส้วม
เครื่องดูดฝุ่น
ครัวซ้าย
ขยะ
วันนี้เป็นวันที่ฉันขัดอ่างล้างมือเป็นครั้งที่สาม
หมายความว่าสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่สิบเจ็ดในญี่ปุ่นแล้ว
อะไรต่อมิอะไรเริ่มเข้าที่เข้าทาง
รุ่นพี่ที่จะกลับไทยช่วงปิดเทอมถามว่าต้องการอะไรจากไทยไหม
"ไม่มีค่ะ ชีวิตที่นี่โอเคดีแล้ว" ฉันตอบไปอย่างนั้น
ในแง่หนึ่งความคุ้นเคยช่วยทำให้เราสบายอย่างประหลาด สบายทั้งร่างกายและจิตใจ
ความเป็นตัวของตัวเองค่อย ๆ เผยออกมาทีละนิด
นิสัยความเคยชินเดิม ๆ ที่เคยกั๊ก ๆ ไว้ก็ค่อย ๆ ออกมาทักทายคนรอบข้าง
สบายจริง ๆ ความรู้สึกแบบนี้
แต่วันนี้ขณะที่ฉันกำลังขัดอ่างล้างมืออยู่นั่นเอง
เกิดรู้สึกขึ้นมาว่า เอ๊ะ นี่ฉันกำลังทำอย่างลวก ๆ นี่
ความรู้สึกของการขัดอ่างครั้งแรก ฉันยังจำได้ดี
ค่อย ๆ บรรจงขัดทุกซอกทุกมุม ล้างแล้วขัด ขัดแล้วล้างอยู่อย่างนั้น
สามสิบนาทีผ่านไป เพื่อน ๆ ชะโงกหน้ามาดูว่ายังทำไม่เสร็จอีกเหรอ
วันนี้ขัดอ่าง เช็ดกระจก ช่วยเพื่อนยกเก้่าอี้
หันไปมองนาฬิกา เอ๊ะ เพิ่งผ่านมาสิบห้านาที
ความเคยชินทำให้สบายก็จริงอยู่แต่มันทำให้หลาย ๆ อย่างขาดความพิเศษไป
ความพิถีพิถันใส่ใจค่อยๆลดลงเรื่อย ๆ
ไม่ดีเลยแบบนี้
ไม่ใช่แค่กับเรื่องทำความสะอาด
กับเพื่อนก็เหมือนกัน
ความเคยชินทำให้ความพิเศษลดลง
ความใส่ใจเบาบาง
พร้อมที่จะร้ายกาจใส่เธอเมื่อใดก็ได้
หนึ่งวันก่อนวันที่เธอจะกลับประเทศ เราร้ายใส่กัน
"ทำแบบนี้กับฉัน ฉันจะไม่พูดกับเธออีกเลย" นิสัยประจำตัวตอนเด็ก ๆ แวะมาเยี่ยมเยียน
เย็นวันนั้นที่เธอโทรมา ฉันจงใจไม่รับโทรศัพท์
ฉันเห็นเธอเดินผ่านไป... ใช่ แต่แกล้งทำเป็นมองไม่เห็น
ร้ายกาจใช่ไหม
ร้ายจนฉันยังกลัวตัวเอง
จนเธอเดินมาข้างหลัง เอาพัดมาเคาะที่หัวไหล่ พร้อมส่งเสียงว่า "เฮ้"
เสียงที่คุ้นเคย ที่ฟังดูเหมือนเจอด้วยเสียงหัวเราะตลอดเวลา
เสียงที่คอยช่วยเหลือฉันในวันแรก ๆ ของการเรียนที่ฉันเรียนตามไม่ทัน
เสียงที่ถามว่า "วันนี้กินไอติมมั้ย" "ไปยิมกันมั้ย" "ไปลองกินร้านนั้นกันดูมั้ย"
เสียงที่ทำให้ฉันหัวเราะได้ในวันที่เศร้าที่สุด
และในวันที่ฉันอารมณ์ดี เสียงนี้ก็เป็นเสียงที่ทำให้ฉันหัวเราะดังขึ้น
มีเวลาฟังเสียงนี้แค่อีกไม่ถึง 24 ชั่วโมง
พอคิดได้แบบนี้ ฉันก็หันหลังกลับไป "เฮ้" ฉันทัก
"กินข้าวกันไหม" เธอถาม
"โอโคโนมิยากิมั้ยล่ะ" ฉันเสนอ
โอโคโนมิยากิมื้อสุดท้ายของเรา เราหัวเราะกันเบากว่าที่เคย
แต่หัวใจฉันอบอุ่น
อ่านแล้วจะร้องไห้น้า〜
ตอบลบ