น้ำหนักของสรรพสิ่ง - Hear the Birds Sing

วันพฤหัสบดีที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

น้ำหนักของสรรพสิ่ง

หยิบโทรศัพท์มือถือมาดูเวลาเป็นระยะ ๆ พร้อมทำท่าทางกระสับกระส่าย
"จะกลับกันรึยัง" ฉันถามทุก ๆ ห้านาที
เพื่อนชาวเขมรที่ตัวเล็กนิดเดียวแต่กินจุเป็นบ้าก็ลุกไปตักสลัดบาร์ทุก ๆ ห้านาทีเหมือนกัน
นั่งกระสับกระส่ายอยู่พักใหญ่ในที่สุดก็ได้คำตอบว่าถึงจะกินกันจนอิ่มแล้วก็ยังไม่กลับกันง่าย ๆ หรอก
อาจจะไปต่อกันที่คาราโอเกะ เพื่อนคนนึงว่าอย่างนั้น
ปั๊ดธ่อ  รู้อย่างนี้ฉันกลับไปก่อนตั้งนานแล้ว

"ไปไม่ได้หรอก สี่ทุ่มฉันมีเวรทำความสะอาดที่หอ"
"โอ๊ย ไม่ต้องทำหรอก เทอมหน้าก็ยังมีเวลาให้ทำอีกทั้งเทอม" เพื่อนคนหนึ่งพูดขึ้น
ฉันพยายามอธิบายว่ามันเป็นความรับผิดชอบ ถ้าฉันไม่กลับไปทำคนอื่นก็จะต้องมาทำแทนฉัน
มันลำบากคนอื่นเค้า ถ้าเป็นเรื่องของตัวเองคนเดียวน่ะไม่เป็นไรหรอก
เพื่อน ๆ ทำเสียงอึดอัดขัดใจ ทำไมถึงไม่ยอมอยู่สนุกด้วยกัน
เขาคงไม่เข้าใจ
เช่นเดียวกับที่ฉันก็ไม่เข้าใจเขาเช่นกัน
เราอยู่หอคนละที่กัน แต่ที่หอของแต่ละคนก็มีเวรทำความสะอาดวันนี้เหมือนกัน
ทำไมถึงไม่ทำหน้าที่ของตัวเองฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
จริงอยู่ที่เวลาที่จะได้ใช้ร่วมกันเหลือน้อยลงไปทุกที
แล้วทำไมฉันถึงไม่พยายามฉกฉวยเอาความรู้สึกดี ๆ ที่จะได้จากการใช้เวลาร่วมกันเอาไว้
ไม่ใช่ว่ามิตรภาพไม่มีค่า
สำหรับฉันแล้วทั้งสองอย่างก็มีค่าพอกัน
แต่ตาชั่งของฉันหนักไปข้างที่ไม่อยากทำให้ใครเดือดร้อนมากกว่า
ตาชั่งของเราแต่ละคนคงไม่เท่ากัน

ทุกครั้งที่มีสอบ
เพื่อนสนิทฉันจะเครียดมากทุกครั้ง
สอบเสร็จก็จะไล่ถามว่าข้อนั้นข้อนี้ตอบอะไร
พอรู้ว่าตอบผิด เธอจะส่งเสียงร้องครวญครางออกมา
"ทำไมต้องเครียดขนาดนั้น แค่ข้อสอบเอง"
ยิ่งฉันพูดแบบนี้ยิ่งทำให้เธอหงุดหงิดเข้าไปใหญ่
ก็แบบนี้ล่ะน่ะ ตาชั่งเรามันไม่เท่ากัน



อย่างมากที่สุดเราก็ทำได้แค่งุนงงกับตาชั่งของคนอื่น
แต่ถึงที่สุดแล้วเราไม่มีสิทธิจะไปสั่งให้เขาปรับตาชั่งเขาให้เท่ากับเรา
เงื่อนไขปัจจัยชีวิตแต่ละคนก็ต่างกันไป
ฉันไม่กินเหล้าไม่ได้แปลว่าฉันจะสนุกกับเธอไม่ได้
ฉันแค่ไม่เคยชอบรสชาติของเหล้าและไม่ชอบความรู้สึกเวลาที่ตัวเองดื่มเหล้า
แต่ถ้ามันทำให้เธอรู้สึกดีก็ดื่มไปเถอะ ฉันไม่นึกอยากห้ามเลย
และถึงฉันจะรักหมามากแค่ไหน แต่การที่เธอกินหมาก็ไม่ได้แปลว่าเธอเป็นคนไม่ดี
คนเรามีสิทธิจะเลือกว่าจะเอาอะไรเข้าปากตัวเอง
คนกินหมูก็ไม่ได้ดีวิเศษกว่าคนกินหมาสักหน่อย
เราต่างคนต่างเติบโตมาแตกต่างกัน
ยังมีอีกหลาย ๆ เรื่องที่ฉันยังไม่เข้าใจ
แต่ถ้าเข้าใจทั้งหมดแล้ว ชีวิตไม่มีอะไรให้เรียนรู้อีกแล้ว แบบนั้นก็คงน่าเบื่อน่าดู
วันนี้ยังไม่เข้าใจ
แต่เราก็ยังคงเป็นเพื่อนกัน
ยังรู้สึกดี ๆ ต่อกัน
ไม่เป็นไรหรอก เรื่องวันนี้
ยังไงฉันก็จะพยายาม วันละเล็กละน้อย จะพยายามเข้าใจให้ได้
ขอบคุณที่ยังเป็นเพื่อนกันนะ :)

2 ความคิดเห็น:

  1. หึๆ ชอบจังเลย รู้สึกโดนใจ มดเองก็คิดเหมือนกัน
    มันเ่็นความรู้สึกที่ดีนะ เวลาเราไม่ตัดสินคนอื่นง่าย ๆ เราก็จะเป็นมิตรกับโลกมากขึ้น. โลกก็จะเป็นมิตรกับเรามากขึ้น แล้วทั้งฉันและเธอก็จะมีความสุขมากขึ้นอะไรอย่างนี้ :)
    การเข้าใจและยอมรับในความแตกต่างเป็นเรื่องแสนวิเศษ เป็นมนตร์วิเศษที่ทำให้คนเรามีความสุขได้ มดเคยคิดว่ามนุษยนิยม เป็นเรื่องของการยอมรับว่าเราเท่าเทียมกัน เมื่อไม่นานมานี้ถึงคิดขึ้นมาได้ว่ามันเป็นเรื่องของการยอมรับความแตกต่างต่างหากล่ะ
    ทุกวันนี้มดก็พยายามฝึกปรืบตัวเองให้รู้จักยอมรับคนที่มองชีวิตต่างจากตัวเอง เด็กเที่ยวกลางคืน ผู้ชายเจ้าชู้ สาววัตถุนิยม. ยาก แต่ก็คุ้มค่าที่พยายาม
    เมื่อเร็วๆนี้ มีคนบอกมดว่ามดเป็นคนที่เป็นมิตรต่อคนอื่น เหมือนเป็นของขวัญให้ความพยายาม พอเรายอมรับความแตกต่าง เราก็พร้อมจะหันไปยิ้มให้คนที่อยู่ข้างๆได้ ไม่ว่าเค้าจะเป็นใคร
    แล้วสุดท้ายสิ่งที่ได้มาก็คือความรักตัวเอง เนอะ :)

    ตอบลบ